วันที่ 16มกราคม 2564 กลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ชาวเน็ตต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมากในขณะนี้ หลังจากทางด้า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงผลการเลือกตั้งซ่อมอย่างไม่เป็นทางการ ที่ จ.ชุมพร เขต 1 ซึ่งนายอิสรพงษ์ มากอำไพ ผู้สมัครเบอร์ 1 จากประชาธิปัตย์ ชนะนายชวลิต อาจหาญ หรือ ทนายแดง ผู้สมัครเบอร์ 4 จากพลังประชารัฐ และที่ สงขลา เขต 6 น.ส.สุภาพร กำเนิดผล ผู้สมัคร เบอร์ 1 จากพรรคประชาธิปัตย์ นำนายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ ผู้สมัคร เบอร์ 3 พรรคพลังประชารัฐ ว่า ผลที่ออกมาอย่างไม่เป็นทางการ พลังประชารัฐได้คะแนนมากกว่าเมื่อการเลือกตั้ง ปี 62 แต่จะมากเท่าไหร่ค่อยดูผลอย่างเป็นทางการอีกที
ส่วนผลคะแนนของคู่ต่อสู้พลังประชารัฐ ก็อย่างที่ได้มีการนำเสนอไป เราต้องยอมรับว่าการเตรียมการของเขา เตรียมการมาดี ของเราเองต้องยอมรับว่าเตรียมการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ โดยเฉพาะในพื้นที่มันมาช้าไปนิดนึง อันนี้ไม่ใช่การแก้ตัว แต่ว่าการเลือกตั้งมันยังไม่จบ แทบไม่น่าเชื่อเลยว่า การเลือกตั้งในวันนี้ มีการจับการทุจริต แบบเห็นจะๆ หลักฐานแบบจะๆ มีการโอนเงินผ่านบัญชี มีการกาหมายเลขที่ตัวเองรับเงินมาอย่างชัดเจนมาก ผมก็ไม่เคยเห็นการเลือกตั้ง การโกงกันแบบนี้มาก่อน เป็นเรื่องที่ต้องสู้กันต่อไป
จากหลักฐานวันนี้ที่ทางเรา โดยทนายแดง ได้ร้องต่อกกต. ชุมพร และเห็นหลักฐานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ณ เวลานี้ ค่อนข้างจะชัดเจนว่า มีการทุจริตกันอย่างชัดเจนมาก อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายของบ้านเมืองเลย ไม่น่าเชื่อว่าพรรคๆหนึ่งที่มีภาพทางการเมืองบริสุทธิ์มาตลอดจะเป็นอย่างนี้ การเลือกตั้งที่ชุมพรมันยังไม่จบ เราไม่ได้เป็นคนจับทุจริต เจ้าหน้าที่เป็นคนจับ แล้วหลักฐานมันชัดเจน แล้วจะมากล่าวหาเราเรื่องอะไร มีแต่เราจะต้องกล่าวหา
ทั้งนี้ในการเลือกตั้งซ่อม สงขลา เขต 6 ว่า ที่สงขลาตนไม่ได้ไปดูแลการเลือกตั้ง แต่ไปปราศรัยอย่างเดียว ก็ไม่มั่นใจว่าเวลานี้เป็นอย่างไร ซึ่งนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เป็นผอ.การเลือกตั้งซ่อม สงขลา และที่ชุมพร มีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เป็นผอ.เลือกตั้งซ่อม ตนก็ช่วยดูลงพื้นที่ปราศรัย อยู่ในพื้นที่สังเกตการณ์เลือกตั้ง ส่วนจุดพลิกผันที่ทำให้คะแนน อย่างไม่เป็นทางการออกมาเช่นนี้นั้น
ผมเริ่มตกใจตั้งแต่มีการจับการทุจริตกันตั้งแต่ตอนเช้า ผมเริ่มตกใจแล้วว่า ถ้าเป็นอย่างนี้ เราท่าทางจะลำบาก เพราะว่ากลยุทธ์ที่เขาใช้ มันชัดเจนมาก เราก็ไม่คิดว่าจะกล้าทำกันขนาดนี้ ส่วนกรณีที่มีการนำการปราศรัยของตนไปขยายผล เรื่องคนรวยคนจนนั้น ตนมองว่าการปราศรัย ถ้าเราฟังให้ชัดเจน ประเด็นเรื่องคนรวยคนจน ก็เพียงแต่พูดถึงคุณสมบัติของผู้สมัครว่ามีความพร้อม การที่เราจะเป็นนักการเมือง ตนไม่ได้เน้นในเรื่องของการมีเงินอย่างเดียว คุณสมบัติอย่างอื่นก็ต้องมีด้วย เช่น ความรู้ ประสบการณ์ทางด้านธุรกิจมากกว่า ไม่ได้เป็นเรื่องของการดูถูกคนจนคนรวยเลย ไม่ได้เกี่ยวกันเลย
